เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๓ มี.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมนะ วันนี้วันพระ วันพระ วันโกนเป็นวันแสวงบุญกุศลของชาวพุทธ ถ้าชาวพุทธ วันพระ วันโกนเป็นวันนัดหมายให้เราไปทำบุญกุศลกันๆ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม “ภิกษุทั้งหลาย เธอจงไปอย่าซ้อนทางกัน อย่าซ้อนทางกัน โลกนี้เร่าร้อนนัก โลกนี้เร่าร้อนนัก”

เราจะมีฐานะสูงต่ำมากมายขนาดไหนก็แล้วแต่ แต่หัวใจเราเร่าร้อน หัวใจเราเร่าร้อน ถ้าคนทุกข์คนจนก็เร่าร้อนเพราะความขาดแคลน คนมั่งคนมีก็เร่าร้อนเพราะการจะรักษาสมบัติของตน คนที่ไม่ได้ดั่งสมใจความปรารถนาก็มีความบีบคั้นในหัวใจ คนที่มีสมความปรารถนาแล้วก็อยากจะได้มากไปกว่านี้ มันก็มีแต่ความแสวงหา นี่มันเร่าร้อนๆ เร่าร้อนเพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันบีบคั้นหัวใจ เห็นไหม

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันมีสัจธรรมๆ ถ้าสัจธรรมขึ้นมา แก้วน้ำเขาเอาไว้ใส่น้ำ จานเอาไว้ใส่อาหาร

นี่ก็เหมือนกัน หัวใจเขาไว้ใส่อะไร หัวใจเขาต้องการอะไร เวลาแสวงหามาๆ หัวใจต้องการปรารถนามามากมายมหาศาล เวลาพระบิณฑบาตมา ๕ บาตร ๑๐ บาตร เวลาฉันแล้วก็ฉันแค่อิ่มเดียวเท่านั้นน่ะ

พระบิณฑบาตมา ๕ บาตร ๑๐ บาตรแล้วจะฉันให้หมดๆ สมความปรารถนา สมความหิวความกระหายที่มันแสวงหาที่มันต้องการ แล้วเอามาถึงพยายามจะฉันให้สมใจอยากๆ สมใจอยากไหม...เป็นไปไม่ได้

นี่ไง ร่างกายมันก็มีความสุขความระงับมาได้เพียงเท่านี้ แต่หัวใจ หัวใจมันไม่มีขอบเขตมัน มันต้องการความแรงปรารถนาของมัน มันจะสะสมของมันให้ล้นฟ้า

ล้นฟ้าขนาดไหนมันก็ไม่พอใจมันหรอก มันพอใจมันไม่ได้หรอก ตัณหามันล้นฝั่งๆ กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันล้นฝั่ง มันเป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้เป็นไปได้ๆ เราไปวัดไปวากันมา เราจะสูงส่งขนาดไหน เราจะขาดแคลนขนาดไหนก็แล้วแต่ แต่จิตใจเรายิ่งใหญ่ ถ้าจิตใจเรายิ่งใหญ่ เรามีสติปัญญาของเรานะ เราเท่าทันหัวใจของเรา

แก้วเขาเอาไว้ใส่น้ำ หัวใจเขาได้ใส่สัจธรรมๆ

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนห้างสรรพสินค้า คนทุกข์คนจนขึ้นมา ทำไมเราทุกข์เราจนขนาดนี้ ทำไมเรายากแค้นขนาดนั้น ความยากแค้นขึ้นมา เราทำสิ่งใดมาเราถึงยากแค้นขนาดนี้ หน้าที่การงานเราก็แสวงหาของเรานะ

เวลาคนทุกข์ คนจน คนตกงาน เขาแสวงหาการงานของเขา เวลาแม่ลูกอ่อน แม่ลูกอ่อนไม่มีนมให้ลูกกิน อุตส่าห์ไปลักนมมาเพื่อจะมาป้อนลูก ทำไมเราทุกข์ยากขนาดนั้น ทำไมเราทุกข์ยากขนาดนั้น ถ้ามันความทุกข์ยากขนาดนั้น มันทุกข์ยากมันบีบคั้นหัวใจ ถ้าเป็นกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันก็น้อยเนื้อต่ำใจ มันก็คิดเหยียบย่ำหัวใจของมันนะ มันยิ่งบีบคั้นใจของตนมันเต็มมหาศาลเลย

แต่ใจของคนที่มีธรรมๆ นะ ถ้าเราทุกข์ยากขนาดนี้มันต้องมีคนมีน้ำใจกับเราบ้าง เรากล้าพูดกับใครก็ได้ว่าเราขาดแคลนขนาดนี้ เราไม่มีนมให้ลูกเรากิน

ทุกคนที่ช่วยเหลือเจือจาน จิตใจของคนที่มีน้ำใจมีมากมายมหาศาล แต่เขาก็ไม่กล้าเหมือนกันว่าเขาจะหยิบยื่นให้ใคร เพราะหยิบยื่นให้ใคร มันจะเป็นคุณหรือเป็นโทษก็ไม่รู้ คนที่จะมาหลอกมาลวงก็มี เห็นไหม

แต่ถ้าเรามีสติปัญญา คนที่ถ้ามันมีธรรมๆ ไง มีธรรมขึ้นมาเรามีสติของเรา ทำไมเราทุกข์ยากขนาดนี้ ทำไมคนอื่นเขาไม่ทุกข์ยากขนาดเรา นี่เราบอกเขาได้ เราบอกเขาได้ เราแสวงหาได้

แล้วฝรั่ง เรามีพระเป็นฝรั่ง เวลาพระฝรั่งเขามาบวช เขาบอกเขาไปเที่ยวอินเดีย เวลาเพื่อนเขาบอกเลยนะ ถ้าเอ็งไปเมืองไทยนะ เวลาเอ็งขาดแคลนให้เข้าวัดๆ

ฝรั่งมันยังแนะนำกันเลยนะ ถ้าเอ็งเงินหมดนะ ให้หันหน้าเข้าวัด วัดน่ะเป็นที่พึ่งพาอาศัย

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันทุกข์จนเข็ญใจขึ้นไป ไปวัดไปวาขึ้นมา อย่างเช่นถ้ามาวัดเราตอนเช้ามีอาหารให้ทานแน่นอน มีอยู่พร้อม แต่มีอยู่พร้อมขึ้นมา วัด วัดของเราเป็นวัดปฏิบัติ เราต้องการความสงบความสงัดใช่ไหม

เราต้องการความสงบไง ถ้ารับไปแล้วถ้าควบคุมเสียงได้ ควบคุมความกระทบกระเทือนกันได้ ควบคุมที่จะไปกวนบ้านกวนเมืองกวนให้คนที่เขาจะปฏิบัติภาวนาของเขาไม่ให้เขาได้รับการกระทบกระเทือน เราก็ให้พักอยู่ได้ แต่ถ้าเขามาส่งเสียง เขามาทำความกระทบกระเทือนกับผู้ที่มาประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม ความดีงามที่ละเอียดขึ้น ความดีงามที่ดีกว่านี้ใช่ไหม

การเราเกื้อหนุนจุนเจือกันด้วยวัตถุมันก็เป็นเรื่องหนึ่งนะ การเกื้อหนุนกันด้วยหัวใจ ด้วยคนให้มีสติมีปัญญา ให้คนพัฒนาขึ้นมา ให้คนเขาเห็นหัวใจของเขา เวลามีมรรคมีผลขึ้นมาในใจมันเป็นความดีอีกเรื่องหนึ่งนะ ความดีที่ละเอียดขึ้นไป คนที่กระทำมันมีมหาศาล เราถึงจะต้องมีขอบมีเขตไง

ถ้าไปวัดไปวา วัดที่อื่นเขาสะดวกสบายของเขา วัดหลวงพ่อทำอะไรไม่ได้เลย ทางจงกรม นั่งสมาธิให้ทำทั้งวันมันไม่ทำ

ทางจงกรมอุตส่าห์สร้างให้ เวลานั่งสมาธิ ให้ทำทั้งวันเลย นี่ไง ทางที่กว้างขวาง ทางที่กว้างขวางของนักปฏิบัติไง เวลาปฏิบัติ หน้าที่ของเราก็เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาสิ นี่ทำของเรา

ถึงเวลาแล้วข้อวัตรปฏิบัติเราทำพร้อมกันทำร่วมกัน เสียงมันก็ไม่กระทบกระเทือนใช่ไหม นี่เวลาเขาจะภาวนา เราก็จะตีตาด เวลาเขาจะตีตาด เราก็นั่งสมาธิ แล้วก็บอกนี่มันขัดแย้งกันๆ มันขัดแย้งกันเพราะว่าเราไม่ร่วมมือกัน ถ้ามันร่วมมือกัน ข้อวัตรปฏิบัติทำพร้อมกันมันก็ไม่กระทบกระเทือนกัน

นี่เวลามันเป็นจริงๆ วันพระ ถ้าพระเป็นผู้ประเสริฐ หัวใจที่มันประเสริฐนะ มันประเสริฐ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “เธออย่าไปซ้อนทางกันนะ โลกนี้เร่าร้อนนัก โลกนี้เร่าร้อนนัก”

เวลากิเลสตัณหาความทะยานอยากมันบีบคั้นหัวใจของคนมันเจ็บช้ำน้ำใจนัก แล้วมันจะหาทางออกๆ หาทางออกอย่างไร

เราว่าเรามั่นคงในชีวิตใช่ไหม ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุดเท่านั้น เวลามาเรามา เรามาจากไหน ถ้าเราไม่มีบุญกุศลขึ้นมา เราไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์หรอก เวลาเกิดเป็นมนุษย์ขึ้นมา เกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน สูงต่ำดำขาวมันแตกต่างกัน เวลามันแตกต่างกัน แตกต่างกันด้วยอำนาจวาสนาของคน

เวลาอำนาจวาสนาของคนเวลาทำขึ้นมาแล้ว เวลาแตกต่าง พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกวาง พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระต่าย นี่พระโพธิสัตว์ๆ เวลาเกิด เวลาเกิดขึ้นมาท่านยังเกิดเป็นสัตว์ เวลาเกิดเป็นสัตว์ เวลาเสวยภพเสวยชาติ

นี่ก็เหมือนกัน เวลาเกิดสูงเกิดต่ำๆ เราก็เคยเกิดดีเกิดงามมาเหมือนกัน ถ้าไม่เกิดดีเกิดงามมาเหมือนกัน มันมีความคิดไง เวลาความคิด ความคิดของคน มาตรฐานของคน สิ่งนี้มันเกิดมาจากพันธุกรรมของจิตๆ ถ้าพันธุกรรมของจิตที่มันสร้างสมมาดีงามๆ ถ้าดีงามขึ้นมามันดีงามในหัวใจขึ้นมา แล้วเราจะทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดีเพื่อสะสมเข้ามาในใจนี้

เวลาใจนี้ทำบุญกุศลฝังดินไว้ๆ ฝังดินไว้ก็ฝังดินไว้ ฝังในเจตนาของเรา ฝังไว้ในหัวใจของเรา ถ้าฝังในหัวใจของเรา เพิ่มพูนของเราขึ้นมา

แล้วบอกว่า ถ้าเทศนาว่าการอย่างนี้ก็บอกว่า พระเป็นลูกตุ้มสังคม พระจะเอารัดเอาเปรียบไง

มันเป็นข้อเท็จจริง มันเป็นข้อเท็จจริง ทาน ศีล ภาวนา มันเป็นข้อเท็จจริง การเสียสละมันไม่ได้เสียสละที่วัตถุอย่างเดียวทั้งสิ้น เวลาเสียสละ ผู้ที่มีสติปัญญา เขาให้ธรรมเป็นทานๆ มีองค์กรต่างๆ เขาให้การศึกษา สภาพแวดล้อมเขาดูแล นั่นน่ะสิ่งนั้นมันไม่ใช่วัตถุ เขาให้สติให้ปัญญา ให้ความรู้คน ให้คนพัฒนาขึ้นมา สิ่งที่เป็นการกระทำการให้อภัยต่อกัน นี่การให้โดยน้ำใจมันมหาศาลกว่านั้น

ถ้ามันไม่มีการฝึกฝน เริ่มขึ้นมาจากการเสียสละวัตถุ มันจะไปเสียสละในหัวใจ เสียสละการกระทำ เสียสละความรู้ เสียสละให้โอกาสคน มันทำมาจากไหน

เวลาทำขึ้นมา การเสียสละมันเสียสละมาจากทาน ความปรับสังคมให้มีน้ำใจต่อกัน ให้สังคมเป็นสาธารณะ สังคมที่ร่มเย็นเป็นสุขไง แล้วถ้าร่มเย็นเป็นสุขแล้ว เวลาเอาจริงเอาจังขึ้นมา เอาจริงเอาจังขึ้นมา ทาน ศีล ภาวนา

ผู้มีศีลๆ ศีลคือความปกติของใจ ใจมันมีความปกติสุขของมัน ใจมันไม่ดิ้นไม่รน ไม่ล้นฝั่ง คำว่า ล้นฝั่งๆ” หมายความว่า ความคิดมันไม่มีจบไม่มีสิ้น มันคิดไม่มีขอบมีเขต มันล้นฝั่ง มันล้นไปเรื่อย ล้นไปจนไม่เป็นประโยชน์กับเรา

ถ้ามันมีความปกติของใจ ถ้าความคิดก็คิดในขอบในเขต คิดในคุณงามความดี คิดในการกระทำ ความคิดนี้มันเป็นประโยชน์ ถ้ามันศีลคือความปกติของใจ ถ้าปกติแล้วเราเป็นคนที่ดีขึ้น

เวลาเราเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน เวลาในครอบครัวใดก็แล้วแต่ก็อยากให้ลูกหลานเรามีหน้าที่การงาน ให้มีวิชาของเขา มีอาชีพของเขา เพื่อดำรงชีพของเขา

จิตของเราๆ เราพึ่งพาอาศัย เป็นผลของวัฏฏะ เป็นผลของเวรของกรรม แล้วแต่กรรมมันจะให้ผล เรากระเซอะกระเซิงไปในธรรมชาติ เวลาฝนตกแดดออกมีแต่ความเร่าร้อน เวลาเราไปที่ไหนแล้วเราต้องมีที่พึ่งพาอาศัย เราจะปลูกบ้านปลูกเรือนของเราไง นี่คือจิตใจของเรา นี่ทาน

ศีล เวลาศีลคือความปกติของใจ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ หัดประพฤติปฏิบัติขึ้นมา มันไม่เร่าไม่ร้อน ไม่กระเซอะกระเซิง ไปในป่าเขาลำเนาไพรมันมีที่พึ่งอาศัยของมัน

แล้วเวลาที่พึ่งที่อาศัยของมัน กับที่อื่นพึ่งไม่ได้เลย กับหัวใจของตน เพราะจิตมันสงบไง หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ทำให้ได้

มันเปรียบเทียบได้กับความพะรุงพะรัง ความคิด ความบีบคั้น ที่หัวใจมันเร่าร้อนนัก หัวใจที่มันเร่าร้อนนักแล้วมันวางภาระสรรพสิ่งทั้งหมดได้ มันวางภาระที่แบกหามความเร่าร้อนนั้น มันวางภาระความวิตกกังวลทั้งหมด มันวางภาระในความลังเลสงสัย คิดดูสิว่ามันจะมีความสุขแค่ไหน

ถ้ามีความสุข ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง ใครทำความสงบของใจได้ ใครทำสมาธิได้เปรียบเหมือนมีบ้านมีเรือนหลังหนึ่ง มันมีที่พึ่งที่อาศัย ไม่ใช่คนเร่ร่อน คนไม่มีที่พึ่งอาศัยเร่ร่อนไปหมด เร่ร่อนไปในอะไร

เวลาหลงป่าก็เร่ร่อนไปในป่าในเขาใช่ไหม อันนี้มันก็หลงไปในความรู้สึกนึกคิดไง หลงเข้าไปในจินตนาการไง จะเป็นอย่างนั้น จะเป็นอย่างนี้ จะเป็นอย่างนู้น แล้วใจก็เร่ร่อนไปกับมันไง นี่มันเร่ร่อน มันไปทั่ว มันเป็นความทุกข์ความยาก นี่ไง มันเร่าร้อน

หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ มันวางหมดเลย กูไม่ตามมึงแล้ว ความคิดทั้งหลาย กูไม่ตามมึงไปแล้ว นี่มันอยู่ของมันโดยทรงตัวของมัน มันทรงตัวของมันได้ถ้ามันมีสติสัมปชัญญะที่รักษา การทรงตัวของมันได้

จิตนี้พึ่งตัวเองไม่ได้ ต้องเกาะเกี่ยวกับอารมณ์ไปเรื่อยๆ จิตนี้พึ่งตัวเองไม่ได้ ต้องอาศัยคนอื่นทั้งนั้น ทั้งๆ ที่มันมีคุณค่านะ

จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส ปฏิสนธิจิต จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ สิ่งที่ละเอียดที่สุด สิ่งที่นุ่มนวลที่สุด สิ่งที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวลาเกิดเป็นลูกใคร หลานใคร บ้านใคร ตระกูลใคร ชาติใด มันถึงจะเกิดเป็นคนคนนั้น

แต่สิ่งที่เกิดกับคนคนนั้น ที่มันละเอียดลึกซึ้งที่มันมีคุณค่า แต่มันพึ่งตัวมันเองไม่ได้ มันต้องอาศัยเกาะเกี่ยวสัญญาอารมณ์ทั้งสิ้น

เวลาเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ มันก็เป็นคำบริกรรม มันก็เป็นความคิดนั่นแหละ แต่ความคิดนี้พุทธานุสติ ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงพระธรรม ระลึกถึงพระสงฆ์ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ นี่อนุสติ อนุสติอยู่กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราฝึกหัด ฝึกหัดจนมันมีที่เกาะ

มันไม่ต้องไปเกาะเกี่ยว หลงป่าก็หลงแต่ป่าเขาลำเนาไพร หลงความรู้สึกนึกคิด หลงในบาปในกรรมของตน หลงไปทั่ว

หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ กูไม่หลงไปกับเอ็งแล้ว มันทรงตัวมันได้ ถ้าทรงตัวมันได้ มันปล่อยวางสิ่งต่างๆ ทั้งหมด ไม่ต้องมาบอกว่าสมาธิมันจะเป็นอย่างนั้น สมาธิจะเป็นอย่างนี้

สมาธิก็คือสมาธิไง แล้วสมาธิมันมีความสุขด้วย แล้วสมาธิมันมหัศจรรย์ด้วย แล้วก็อยากได้อย่างนี้ตลอดไปด้วย แล้วไม่ได้อะไรเลยด้วย เพราะอะไร เพราะความอยากได้นั่นก็หลงอีกแล้ว

แต่เวลาหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ อยู่กับตัวมันเองๆ คนที่ชำนาญจะรู้หมด กำหนดปั๊บ เป็นสมาธิได้ กำหนดเลย ถอยออกมา เป็นสมาธิ ไม่คิด ไม่คิดแต่มีสติ ไม่คิด มีความรู้สึกสมบูรณ์

ไม่คิดไม่ใช่หลับ ไม่คิดไม่ใช่ตกภวังค์ ไม่คิดไม่ใช่ปฏิเสธ ไม่คิดไม่ได้สร้างอารมณ์ใหม่

นี่ไง หลงป่าเขาลำเนาไพรนั่นก็เป็นความหลงอันหนึ่ง เวลามาความว่างๆ ก็เป็นหลงอันหนึ่ง หลงไม่ให้คิดไง แต่สติสัมปชัญญะยืนตัวเองไม่ได้

แต่สัมมาสมาธิมันมีสติมีปัญญาของมัน ถ้าไม่คิดแล้วมีสติสมบูรณ์ ความรู้สึกสมบูรณ์ มีความสุขสมบูรณ์ อู๋ย! มหาศาล มหัศจรรย์มากๆ

จากที่มันสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด แต่มันแสดงตัวมันเองไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเองไม่ได้ ต้องอาศัยเกาะเกี่ยวไป อาศัยเวรอาศัยกรรมเกาะไปในวัฏฏะๆ นี่ไง

แต่เวลามันมีสติมีปัญญาขึ้นมามันมั่งคงของมันขึ้นมา พอมั่นคงขึ้นมาๆ จิตตั้งมั่นๆ จิตตั้งมั่นแล้วฝึกหัดใช้ปัญญาๆ มันจะเห็นความมหัศจรรย์ของธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศีล สมาธิ ปัญญา เห็นความมหัศจรรย์ของมรรค เวลามันเกิดมรรค

จิตดวงใดก็แล้วแต่ฝึกหัดไม่เป็น ทำอะไรไม่ได้ขึ้นมา มันจะไม่มีผลงานของมัน ถ้าไม่มีผลงานของมัน มันก็อาศัยไง

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีกำมือในเรา แบหมดเลย แล้วเราก็ไปจดไปจำมา ลิขสิทธิ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ข้างนอก ไม่ใช่ของเรา

เวลาทำของเราขึ้นมาเอง ลิขสิทธิ์ของเรา เราทำของเราเอง ไม่มีเจ้าของ ไม่มีเจ้าของใครมาต่อต้านอะไรได้ นี่มันเกิดขึ้นมาจากจิต จิตมันพิจารณาของมันๆ มันใคร่ครวญของมัน มันแยกแยะของมัน เวลาแยะแยะของมัน เวลามันคาย เวลามันปล่อย โอ้โฮ! โอ้โฮ! โอ้โฮ!

สัมมาสมาธิ สิ่งที่มีคุณค่า มีคุณค่าที่ตัวมันเองอยู่แล้ว เวลามันใช้ปัญญาๆ สิ่งที่มหัศจรรย์ๆ มันจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของมันแล้ว เวลามันเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของมัน เห็นไหม โลกนี้เร่าร้อนนัก โลกนี้เร่าร้อนนักแต่จิตใจดวงนี้มีความชื่นบานนัก จิตใจดวงนี้มีความอบอุ่น จิตใจดวงนี้เด่นชัดนัก จิตใจดวงนี้ครอบสามโลกธาตุ

จิตใจเวลานั่งสมาธิไปมันเกิดปิติ จิตนี้ใหญ่กว่าโลกธาตุนี้อีก โลกที่ว่ายิ่งใหญ่ๆ จิตมันครอบหมดเลย ครอบในความรู้สึกเราคนเดียวนะ นั่งอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ แต่คนอื่นไม่รู้ด้วยหรอก

เวลามันครอบสามโลกธาตุไม่รู้หรอกมันเป็นอย่างไร ได้ยินแต่ในตำรา แล้วมาคิดกันก็จะสร้างยานอาวกาศไปครอบ ไม่ได้เป็นความรู้สึกของตน ไม่ได้เป็นความเป็นจริงในใจของตน

จิตนี้เร่าร้อนนัก เร่าร้อนนักเพราะไม่มีสติไม่มีปัญญา ไม่มีความรู้ตามความเป็นจริง เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัติเขามีสติ เขามีปัญญา เขามีประสบการณ์ในใจของตน รักษาใจอันนั้นได้ แล้วมันเป็นความจริงในใจอันนั้น นี่มันถึงไม่เร่าร้อน

เวลาโลกนี้เร่าร้อนนัก เวลาชาวพุทธๆ เวลาวันพระ วันโกนระลึกถึงเลย วันนี้จะไปวัดไปวาเพื่อความชุ่มชื่นของเราไว้บ้าง เหมือนกับวัยรุ่น วัยรุ่นนะ มันซื้อบัตรคอนเสิร์ต รอวันเวลาเลยแหละ ไอ้นี่คนโบราณจะไปวัดๆ เราก็รอวันเวลาวันพระเลยแหละ นี่เวลาจิตใจที่มันเป็นธรรมๆ นะ จิตใจที่เป็นธรรม

วัยรุ่นมันซื้อบัตรคอนเสิร์ตแล้ว มันรอเลยล่ะ เรียกร้องเลย อยากไป มันครึกครื้นของมัน นั่นเป็นเรื่องโลกๆ สิ่งที่เป็นโลก

แต่สิ่งที่เป็นธรรมๆ ธรรมมันจะเป็นความจริงของมัน ถ้าใจเป็นธรรมนะ จิตใจที่มีหลักมีเกณฑ์เขาจะแสวงหาของเขา เขาจะทำการงานของเขาเพื่อประโยชน์กับเขา

นี่ก็เหมือนกัน เราทำเพื่อประโยชน์กับเรา ประโยชน์เพื่อหัวใจของเรา สัจธรรมมันเป็นความจริง

เราเป็นสมมุติ สมมุติขึ้นมาชั่วครั้งชั่วคราว ความเป็นจริงที่ยั่งยืน แล้วเราจะแสวงหาอันนั้น แล้วเราจะประพฤติปฏิบัติอย่างนั้น ขวนขวายอย่างนั้น ให้เป็นในหัวใจของเราเอวัง